หวั่นกรณี “ปุ๋ยปลอม” ซ้ำเติมเกษตรกร วอนรัฐส่ง จนท. สอบเข้มทุกพื้นที่
นักวิชาการคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ชี้ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องกำหนดกรอบหรือวางข้อบังคับการใช้สารเคมีอันตรายอย่างชัดเจน เช่น กำหนดให้เกษตรกรที่มีความประสงค์ใช้สารอันตรายต้องมีใบอนุญาต เพื่อสามารถจำกัดกลุ่มผู้ใช้ และสามารถให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่เกษตรกรที่จำเป็นต้องใช้สารอันตราย มีการควบคุมการใช้งานสารอันตรายตามขนาดพื้นที่อย่างเคร่งครัด พร้อม กำหนดคณะติดตามผลอย่างใกล้ชิด เพื่อเข้าตรวจสอบ ชี้วัดถึงความอันตรายต่อคุณภาพชีวิตเกษตรกร ประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง และสิ่งแวดล้อมโดยรอบแบบรัดกุม ทั้งนี้ หลายประเทศทั่วโลกได้มีมาตรการห้ามใช้สารเคมีอันตราย "พาราควอต-คลอร์ไพริฟอส-ไกลโซเฟต" อย่างถาวรมากว่า 10 ปี พร้อมกันนี้ ยังหวั่นกรณี "ปุ๋ยปลอม" ซ้ำเติมเกษตรกร หลังพบเกษตรกรในอำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี ใช้ปุ๋ยเคมีหลายชนิดในการกำจัดศัตรูพืชมากกว่า 2 เท่าของค่ามาตรฐานที่ฉลากกำหนด เนื่องจากไม่สามารถตรวจสอบคุณภาพของปุ๋ยได้
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ดุสิต อธินุวัฒน์ ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวิจัย คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มธ. ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคพืช และการจัดการเกษตรอินทรีย์ กล่าวเสริมว่า ภาครัฐ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเกษตรกรผู้เพาะปลูก ควรให้ความตระหนักและพิจารณาถึงความสมดุลระหว่างปัญหาสุขภาพผู้บริโภค-สิ่งแวดล้อม และความสะดวกรวดเร็วในการกำจัดวัชพืช จากกรณีที่มีมติจากคณะกรรมการวัตถุอันตราย มีมติไม่มีการยกเลิกการใช้วัตถุอันตรายทั้ง 3 รายการ ประกอบด้วย "พาราควอต-คลอร์ไพริฟอส-ไกลโซเฟต" แต่ให้จำกัดการใช้แทน ซึ่งสารเคมีดังกล่าวเป็นที่รู้จักเป็นอย่างดีในแวดวงเกษตรกรไทย และนิยมใช้ในการกำจัดวัชพืช เนื่องจากมีราคาที่ไม่สูงมากและเห็นผลเร็ว แต่ขณะเดียวกันกลับส่งผลเสียขั้นรุนแรง ทั้งต่อสุขภาพของเกษตรกรผู้ผลิต ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อมโดยรอบในระยะยาว ซึ่งในหลายประเทศทั่วโลก มีมาตรการห้ามใช้สารเคมีดังกล่าวเป็นการถาวรมากว่า 10 ปี รวมถึงมีการใช้สารชนิดอื่นเข้ามาทดแทน เนื่องจากคุณภาพชีวิตของประชากรและสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งที่ทางภาครัฐต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก
อ่านต่อได้ที่ : https://www.ryt9.com/s/prg/2835992
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น